3 October 2013

Stingy Nettle ประสบการณ์ครั้งแรกนี้มันแสบๆคันๆจริงๆ



นี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งในหลายๆทริปทีต้องเดินทางคนเดียว ไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน ระยะเวลา ก็นาน พอสมควร 18 วัน
เป้าหมายเที่ยวนี้ก็คือเมือง Grun ที่อยู่ทางใต้ของฝรั่งเศส โดย เพื่อนชาวแคนาดาได้ซื้อกระท่อม หรือ chalet ออกเสียงว่า ชาร์เลย์ ไว้ ได้เชื้อเชิญให้มาร่วมท่องเที่ยวช่วงที่เขามาพักผ่อน เมื่อได้ทราบโปรแกรมของเขา เราก็เริ่มจัดตารางให้ตรงกันแล้ว และเตรียมการเดินทาง เริ่มจาก กรุงเทพ มุ่งตรงไปนครปารีส จากนั้นต้องต่อเครื่องไปที่ Montpellier (มองแปริเยต์)  Pat (เพื่อน ชาวแคนาดา) ก็ได้ไปรอรับที่สนามบิน จากนั้นต้องขับรถต่อไปยังเมือง Grun จำไม่ได้ว่าระยะ ทางกีกิโล แต่อย่างน้อย ยาวนาน จนเรา ต้องถามสารถีว่าอีกนานแค่ไหน เขาก็บอกอีกไม่นาน แต่ High wayของเขาดีมากๆ คือ High way ที่ยาวและไม่มีที่จอดข้างทางเลย เมื่อเห็นว่าลุ่การเป็นเช่นนั้น ก็เลบบอกว่า แทงค์น้ำของอิฉันเริ่มจะเต็มแล้วช่วยจอดให้หน่อย แต่ จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ได้จอดซักกะที เลยขอโอกาส ครั้งสุดท้ายว่า ไม่รอจุดที่มีห้องน้ำ ขอจุดไหนก็ได้ที่ให้อิฉัน ได้เปิดเขื่อนหน่อยไม่งั้น น้ำมันจะทะลักเขื่อน
ทันทีที่เธอได้พบ จุดเบี่ยงลานโล่งข้าง Hi way  ดูแล้วก้ไม่ใครเลย เธอก็จอดให้เราไปทำการเปิดทำนบ
เราทำภาระกิจไม่นานก็รีบวิ่งกลับมาที่รถ จากนั้นเราก็เริ่มรู้สึกแสบๆ คันๆ เลยบอกPat ว่า ฉันน่าจะไปฉี่ใส่รังมดมาแน่เลย  แต่ก็แปลกที่ฉันดูไม่เห็นมดซักตัวเลย ไม่ทันจะพูดจบ ความแสบและคันก็พุ่งพรวดอย่างรวดเร็วจนนั่งไม่อยู่
ควาวนี้ Pat ถึงกับหัวเราะหงายท้องและ ต้องขอโทษเรา เพราะ มารยาทฝรั่งจะไม่หัวเราะบนความทุกข์ทรมานของคนอื่น และ บอกเราว่า ยูไม่ได้ฉีไส่รังมดหรอกแต่ยูไปฉีใส่ต้น Stingy Nettle เข้าแล้วต่างหาก
จากนั้นฉันก็ได้เรียนวิชาพฤษศาสตร์นอกตำราอีกครั้ง
นี้คือต้น Stingy Nettle .ในมุมไกล

ดูใกล้เขาอีกหน่อย ก็ไม่น่าจะมีพิษสงอะไร

แต่ถ้าส่องขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกว่าทำไม่มันถึงได้ทั่งแสบทั้งคัน

ดูให้กันชัดๆไปเลย


เด็กคนนี้คงแพ้อย่างหนัก ของเราแค่เฉียวๆ ถ้าโดนไปจังๆละกอ ต้องออกเทปเพลงแข่งกับเพลงคันหูแน่เลย



ในที่สุดเรื่องทีเกิดขึ้นกับเราก็ได้กลายเป็น talk of the town ไป ทั่งหมู่บ้านที่เราไปพัก ยิ้มหวานให้เราทุกครั้งที่เดินผ่าน และ แต่ละบ้านก็จะมีตันไอ้นี้แหละ อยู่ริมรั้วเต็มไปหมด
แต่อะไรร้ายๆไม่ใช่ว่าจะไม่ดี วันหนึ่งข้างบ้านมาพร้อมกับพิชซ่าหน้าผักโขม มาให้เรากิน กินจนเกือบหมด เราก็บอกว่า ไม่เคยกินพิชซ่าหน้าผักโขมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน เขาก็ยิ้มให้อย่างงามๆ แล้วบอกว่ามันไม่ใช้ผักโขมหรอกจ๊ะ มันคือ Stingy Nettle ต่างหาก 

แต่เที่ยวนี้ความรู้สึกมักช่างแตกต่างกับครั้งแรกทีไดัสัมผัสเจ้า Stingy Nettle ตรงที่ว่าเที่ยวนี้มันไม่คัน หรือแสบคอ แถมยังเลื่นไหลลงคอได้อย่างง่ายดาย แล้วเขาจำกัดพิษสงของเจ้าใบหน้าขนวายร้ายนี้ได้อย่างไรเราสงสัยจริง 


ก็แน่หละวิธีง่ายๆ ใส่ถุงมืออย่างที่เห็น





Stingy Nettle & Garlic Puree




Chalet ของ Pat




อีกอย่างที่สังเกตุเห็นว่ามีอยู่มากแล้วก็ถูกมองว่าน่ารำคาญคือต้นไผ๋(ลำเล็ก) มันจะลุกลามขยายไปในสวนจนเป็นปัญหาให้กับผู้คน เราสังเกตุเห็นหน่ออ่อนว่าน่าเอามาทำอาหาร ก็เลยลองทำดู มันเป็นหน่อไม้ทีรสชาติหวานอร่อยมาก เราเลยบอก Pat ว่าทำไม่ยูไม่กินหน่อไม้กัน เขาตกใจ และถามย้อนว่าหน่อไม้ทานได้ด้วยหรือ เราเลยขอ ชวนเพื่อนๆ และเจ้าของโรงแรม ที่เป็นเชฟระดับมีชื่อเสียงมาทานการกิน แกงเขียวหวานหน่อไม้ เนื้อม้า (หาไก่ไม่ได้ เห็นมีเนื้อม้าขายเลยทดลองไปด้วยกันซะเลย) ถ้าวันนี้คุณไปแถวฝรั่งเศส แล้วเห็นเมนูหน่อไม้น่าจะสันนิฐฐานก่อนเลยว่าเกิดจากสาว(น้อย)จากเมืองไทยที่มาสอนมวยให้เขารู้จักการกินหน่อไม้กันเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

2 October 2013

Walking Holidays

Walking Holidays เราๆท่านๆฟังแล้วอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันซักเท่าไหร่ แท้ที่จริงแล้วมันก็คือกิจกรรมที่แปลอย่างตรงๆเลย ว่าเดินไปท่องเที่ยวไป กิจกรรมนี้เป็นที่นิยมแถบยุโรปหรืออเมริกา เพราะ ยังมีหลายพื้นที่ที่ยังคงสภาพทางธรรมชาติ และจะได้อรรถรสในการท่องเทียวคุณต้องเดิน ในที่นี้ คืออาจจะเป็นทางเดินเท้า หรือทางถนน ที่รถสามารถสัญจรได้แต่ไม่มีการราดทางเรียบแต่อย่างได หากมีไกด์เดินนำก็อาจจะได้ไปทางลัดที่อาจจะปีน ไต่ไปตามภูเขาต่างๆ

เพราะฉะนั้น หากจะไปท่องเที่ยวแบบนี้คงต้องเตรียม ความพร้อมทั้งสภาพร่างกาย และ จิตใจ


ชาวต่างชาติคงชอบที่จะเดินช่องอากาศร้อน แต่สาวไทยอย่างเราสภาพร่างกายพร้อม แต่จิตใจคงไม่ไขว้คว้าหรือหากิจกรรมที่ต้องออกแดดมากนัก โดยเฉพาะสังคมที่เราอยู้ในปัจจุบัน  "whitening fever"


การได้ไปเยือนสเปน ช่วงฤดูหนาว แล้วต้องออกไปทำกิจกรรม walking holiday จึงไม่ถือเป็นการฝืนสภาพจิตใจมากนัก จากการเดินชมธรรมชาติท่ามกลางอากาศที่เย็น และผู้นำทางที่พาเราไปที่จุดปล่อยตัวและให้กระดาษสเก็ตบอกเส้นทางที่จะไปยังจุดที่หมาย และคาดการณ์ว่าเราน่าจะใช้เวลาในการเดินราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้น เขาก็ได้ขับรถไปทางเดินทางสัญจรปกติ เพื่อจะไปรอที่จุดนัดหมายเพียงแต่ว่าเราต้องเดินไป

ความจริงมันก็ดูไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อนยุ่งยาก ว่าแล้วพวกเราก็เริ่มออกเดินทางเดิน

ตอนนี้เราผ่านมาแล้ว 1 ภูเขา ที่เห็นที่ปลายนิ้วชี้นั้นคือจุดที่เราเริ่มเดิน

เดินไป ถ่ายรูปไปโอ๊ย มีความสุข



 เพื่อให้ทำให้เรื่องสั้นลง ปรากฎว่าเส้นทางในการเดินเริ่มจะไม่เหมือนลายแทงที่ไกด์ให้ไว้ จากนั้นระยะเวลาทีเดินค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนเป็นสองชั่วโมงตอนนั้นเราเริ่มมั่นใจแล้วว่าเราหลงทางแน่นอน ตั้งนั้นจาก แผนที่จะเดินจาก point A ไปสู้ point Bเพื่อพบไกด์คงเป็นไปไม่ได้ จึงตัดใจเดินกลับไปที่ pooint Aใหม่
ซึ่งตรรกะง่าย ถ้าเราเดินมา 2 ชั่วโมง จะต้องเดินกลับไปที่จุดเดิม ก็คงต้องใช้เวลาอีก2 ชั่วโมงเช่น อาหารก็ไม่มี หิวก็หิว ความกังวลก็เริ่มเกิดในใจว่า จะไหวไหม แต่ แรงกระตุ้นหรือความกลัวก็ไม่รู้ทำให้ สปีดในการเดินกลับ มันเร็วกว่า ขามาอีก

ในที่สุดเมือกลับไปใกล้จุด A ก็สามารถ ติดต่อไกด์เพื่อมารับพวกเรากลับไป และ ประสบการณ์การเดินครั้งแรกก็ได้รสชาติที่ตื่นแต้นและเหนื่อยไม่น้อย




www.spanish-step.com







The real experience walking here. The guide dropped us here and gave some direction about the trail and estimate time to the destination of point to point then he drove to the destination where we would meet for lunch. ...

It was a nice day clear blue sky with nice cold breeaze you could see Africa from the distance.




We had walked trough some of those ranges,

I had no idea how far that would be to walk but I was ready for this new experience. 

I have to follow him where ever he goes.



Anyway to make a long story short, after 2 hours walk we still didn't find the sign to get to the village where we should meet friend for lunch so we decided to walk back to where we started. Well, when I realized I had to walk another 2 hours I felt nothing but more eager to walk so back where had started.It was funny though when we reached to the destination after 4 and half hour walk I dropped and felt wow I had done something that I will drag about this for long time. Shortly friend get us a lift . We's missed a nice lunch in the village and that make the tapas I had later on was the best food I ever tasted.